จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
2/5/54
7 เคล็ดลับกินอย่างไรไม่ให้อ้วน
1.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น
2.เลือกอาหารจากธรรมชาติไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้ หรืออาจเลือกอาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลจากมอลต์ เป็นต้น
3.เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารและทานเป็นประจำ เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยนำคอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งบางชนิด และมีกากใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ลดขนมขบเคี้ยวและขนมอบ ที่มีแต่ไขมัน เกลือ น้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากทานขนมอาจหันมาทานขนมที่มีส่วนผสมของธัญพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมที่มีประโยชน์น้อย อย่างไรก็ตาม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น
5.กินปลา ไข่และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างร่างกายในผู้เยาว์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสลายในผู้สูงวัย เป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น
6.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีน้ำตาลสูง การดื่มน้ำผักผลไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุกว่า 50 ชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัน
7.ดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง โดยชนิดของนม ขึ้นอยู่กับวัย หากเป็นเด็กทีกำลังเจริญเติบโตควรเป็นนมจืดธรรมดา แต่ในผู้สูงอายุควรเป็นนมพร่องมันเนยเพื่อมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล
“การกินเพื่อสุขภาพมีหลากหลายวิธี อยู่ที่ใครจะเลือกปฏิบัติแบบใด แต่หลักง่ายๆ คือทานอาหารให้ครบ5 หมู่ ครบทุกมื้อ แต่เลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจึงจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อารมณ์ที่สดใส และห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ” อ.กัญชลี ให้คำแนะนำทิ้งท้าย
เคล็ดลับสูตรหน้าขาวใส
สูตรที่1.
ส่วนผสม 1.น้ำผึ้งประมาณ 6 ช้อนชา 2.มะขามเปียก(ไม่ต้องเอากากนะ) 3.นมจืด 6 ช้อนชา
วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งสามมารวมกัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 น.
ทำอาทิตย์ละ 2-3ครั้ง
สูตรที่2.
ส่วนผสม 1.ไข่ไก่2-3ใบ(เอาแต่ไข่แดงนะ) 2.มะนาว2ช้อนชา
วิธีทำ นำไข่แดงมาผสมกับน้ำมะนาวตีให้เข้ากันทาทิ้งไว้5-10น.
ทาครีมบำรุงเพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื่นด้วยจ้า
ทอาทิตย์ละ2ครั้ง
สูตรที่3.
ส่วนผสม 1.หัวไซเท้า
วิธีทำ ปอกเปลือกหัวไซเท้าแล้วล้างออก ฝานบางเฉียบแล้ววางลงบนใบหน้า
ทิ้งไว้ 15น.ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทำอาทิตย์ละ 2ครั้ง
**************************
กาแฟลดความอ้วน ไม่มีอยู่จริงในโลกมนุษย์!
ในทีวี และสื่อต่างๆ พักหลังพวกเราจะเห็นมีโฆษณากาแฟที่กินแล้วทำให้เชื่อว่าหุ่นดีได้เหมือนกันนางแบบโฆษณา กาแฟดังกล่าวถูกเรียกกันง่ายๆว่า กาแฟลดความอ้วน แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแล้วกาแฟมันจะลดความอ้วนได้จริงหรือ
กาแฟที่อ้างสรรพคุณว่ามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้นั้น จะมีส่วนผสมของสารสกัดสรรพคุณความงามเช่น ไฟเบอร์ คอลลาเจน แอลคาร์นิทีน โครเมียม เพื่อที่จะได้นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้เป็นการอ้างถึงข้อดีของกาแฟ และนั่นจะช่วยให้ผู้ซื้อถูกจูงใจได้ง่ายมากขึ้น
คำถามคือ “แล้วกาแฟมันลดความอ้วนได้ไหม?” โดยปกติแล้วกาแฟจะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งนั้นถือเป็นข้อดีของกาแฟที่ผู้ผลิตพยายามนำกาแฟมาเป็นตัวชูโรง แต่มันก็มีข้อเสียอย่างที่รู้กันอยู่ว่าหากได้ดื่มกาแฟในปริมาณมากจะทำให้เป็นโทษต่อร่างกายเช่น อาการใจสั่น นอนไม่หลับ หวดหัว กระวนกระวาย
ทาง อย. เองก็ทราบดีถึงปัญหาดังกล่าว และได้ชี้แจงให้ผู้ผลิตห้ามแอบอ้างสรรพคุณว่ากาแฟดังกล่าวลดความอ้วนได้ เพราะกาแฟไม่ได้เป็นยา และพยายามตรวจสอบบางผู้ผลิตที่ถึงกับนำยาลดความอ้วนมาเป็นส่วนผสมซึ่งถือเป็นกระทำผิด เพราะยาดังกล่าวจะต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และตัวยาดังกล่าวมีอันตรายต่อผู้บริโภคอีกด้วย
บทสรุปเรื่องกาแฟลดความอ้วนนั้นจบลงที่กาแฟดังกล่าวไม่สามารถจะทำให้น้ำหนักคุณลดลงแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ทำให้มันเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากร่างกายจะอ้วน หรือจะผอมสุดท้ายอยู่ที่การเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายครับ
10 สุดยอดผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน
ผลไม้ 10 ชนิดต่อไปนี้ จัดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ และ กินได้บ่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันอีกด้วย ผลไม้ทั้ง 10 ชนิดนี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเฉลี่ย 1.9 – 10 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม โดยอะโวกาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำสุด แอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตสูงสุด
- กีวี - มีสารแอกทินิดีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หัวใจแข็งแรง
- มะเขือเทศ - ช่วยลดความเสียงจากมะเร็งและโรคหัวใจ
- มะละกอ – ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน
- อะโวกาโด – ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ถึง 30 ชนิด
- สับปะรด – ช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
- ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ – เช่น สตอเบอร์รี่ แบลคเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต
- แครนเบอร์รี่ – ช่วยป้องกันนิ่วในไต ต้านเชื้อไวรัส
- ผลไม้ตระกูลส้ม – ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเส้นเลือด
- ผลไม้กลุ่มแตง – มีสรรพคุณสูงสุดในการล้างพิษให้กับร่างกาย
- แอปเปิ้ล – ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร
บทความจาก : MK restaurant
สูตรอาหารลดความอ้วน
สูตรที่ 1
สูตรอาหารไฮโซค่ะ 3 วัน 3 กก. อึม เป็นไง อ่านแล้วน่าสนใจดีไม๊คะ วันละ 1 กก. แบบนี้ 1 อาทิตย์ก็ผอมเพรียวสมใจอยาก แถมรายการอาหารยังไม่โหด เหมือนซุปผักเมื่อกี้อีกด้วย ได้ทานขนมปังอีกตะหาก สวรค์ของคนลดน้ำหนักเลยค่ะ แต่ขอบอกค่ะว่าแต่ละวันอาหารตามสูตรหายากมากกก แบบออกแนวไฮโซ บ้านๆ อย่างเราไม่ค่อยซื้อทานหรอกค่ะ สูตรมีดังนี้นะคะ
วันที่ 1
เช้า กาแฟ หรือ ชา ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น (โฮลวีทได้ก็จะดีมาก)
ถั่ว baked bean 120 กรัม (ถั่วในซอสมะเขือเทศ)
ส้ม 1 ลูก
กลางวัน กาแฟ หรือชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ปลาทูน่า 120 กรัม
เย็น ถั่วฝักยาวต้ม 120 กรัม
บีทรูท หรือ แครอท ต้ม 120 กรัม
แฮมไก่ 2 แผ่น ไก่เท่านั้นนะคะ
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก
วันที่ 2
เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ฟอง
กล้วยหอม 1/2ผล
กลางวัน แครกเกอร์แบบเค็ม 5 แผ่น
ชีส low fat 1 แผ่น (อาจเปลี่ยนเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ)
เย็น บล๊อคโครี่ กับแครอท ต้ม อย่างละ 120 กรัม
แฮมไก่ 2 แผ่น
กล้วยหอม 1/2ผล
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก
วันที่ 3
เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
แครกเกอร์ เค็ม 5 แผ่น
ชีส low fat 1 แผ่น
แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล
กลางวัน กาแฟหรือชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ลูก
เย็น ดอกกะหล่ำต้ม กับ แครอท อย่างละ 120 กรัม
ทูน่า 120 กรัม
แตงไทย หรือ แคนตาลูป 1 ชิ้น
ไอศกรีมวานิลา 1 ถ้วยเล็ก
สูตรที่ 2
เห็นเค้าบอกว่าเป็นสูตรพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพฯ สูตรน่าสนใจมากค่ะ และยังบอกอีกว่าสามารถลดน้ำหนักได้ อาทิตย์ละ 9 กก. ค่ะ เห็นสูตรครั้งแรกดิฉันจดอย่างเร็วเลย ถ้าลดได้ขนาดนี้ละล่ะก็ ต่อให้ทานผิดพลาดยังไง อย่างต่ำคงลดได้ 3 กก. แหละค่ะ อาหารก็หาง่ายๆ เหมือนเราทานทุกวันนี่ล่ะค่ะ
วันที่ 1
เช้า...น้ำผลไม้คั้นหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น... สลัดผัก
วันที่ 2
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน...ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3
เช้า... กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4
เช้า...น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน... สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น... สลัดผัก
วันที่ 6
เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
เย็น... นมสด 1 แก้ว(พร่องมันเนย)
วันที่ 7
เช้า... ข้าว 1 ทัพพีและเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม(เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น
ที่มา : http://www.healthcorners.com
วันที่โพสต์ : 2007-11-08
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)