และเกิดอาการติดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ไม่น่ามีอะไรที่เป็นปัญหามาก แต่ตามหลักทางพุทธของเราอะไรที่มากเกินไปก็มักมีปัญหาทั้งนั้นครับ แล้วเด็กจะมีปัญหาอะไรบ้าง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
เรื่องของหวาน ๆ นี่ตามธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์สำหรับเด็กและทุกคน เนื่องจากน้ำตาลซึ่งมีรสหวานจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้นมาในระดับที่ร่างกายต้องการ การกินน้ำตาลมักทำให้อารมณ์ดี มีความกระปรี้กระเปร่าแม้ในขณะที่หิวมาก ๆ ก็ยังรู้สึกดีขึ้นมากถ้าได้กินน้ำตาลหรือน้ำหวานสักแก้ว
ปัญหาก็คือเมื่อกินของที่มีรสหวานก็จะเกิดความอยากบ่อยขึ้นและจะเกิดการติดใจเลยกินไม่เลิก ตอนนี้แหละครับลำบาก ในเด็กนี่เร็วมากครับพอได้ลิ้มชิมรสหวานแล้วละก็ ไม่เอาแล้วของรสจืด เลิกกินกันไปเลย ปัญหาก็คือของที่เราป้อนไม่ว่าจะเป็นข้าว นม ก็เป็นของจืดทั้งนั้น เด็กก็เลยพาลไม่ยอมกินกันเลย จะกินแต่ของหวาน นาน ๆ เข้าก็เลยต้องใส่น้ำตาลในอาหารทุกอย่าง หรือแม้แต่นมก็ต้องมีรสหวาน ทีนี้แหละครับ ปัญหาก็ตามมาเป็นพรวนเลย
เมื่อเด็กกินของหวานเข้า โดยทั่วไปผู้ใหญ่มักจะคิดว่าเด็กจะกินได้มากขึ้น แต่ในเด็กที่ผอมและกินอาหารยากกลับกินไม่ลง ในทางตรงกันข้ามในเด็กที่อ้วนกลับกินไม่พอ เนื่องจากเด็กที่ผอมระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นจะไปทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูงขึ้น เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ทำหน้าที่สองอย่างครับ คือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเนื่องจากน้ำตาลถูกนำไปใช้ หน้าที่อีกอย่างก็คือไปกดความต้องการอาหารในเด็ก ในขณะที่เด็กอ้วนนั้นระดับอินซูลินไม่สามารถระงับความต้องการอาหารได้ ก็เลยกินเอา กินเอาไม่ยอมหยุดด้วย ความเอร็ดอร่อย ทีนี้ที่คิดว่าจะแก้ปัญหาให้กินได้มากขึ้นในเด็กผอมก็เลยกลายเป็นสร้างปัญหาไป นอกจากนี้น้ำตาลหวาน ๆ พวกนี้ก็ยังสร้างปัญหาโลกแตกให้คุณหมอฟันมากเลยครับ ลองคิดดูว่าถ้าเด็กเล็กโดยเฉพาะที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบนี่ จะแปรงฟันทีก็ยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าติดนมหวาน ขนมหวาน แถมติดขวดนมอีก แย่แน่ เพราะจะต้องฟันผุแน่นอนครับ ปัญหาเป็นปัญหาใหญ่มากจนทำให้ที่ประเทศสิงคโปร์โฆษณาชวนเชื่อให้เด็กเลิกของหวานกันเลย แถมในรัฐแคลิฟอร์เนียก็มีข่าวแว่ว ๆ ว่าอาจไม่ให้ขายน้ำโค้ก แสดงว่าเขาเอาจริงครับ แต่ในประเทศเราท่าทางจะยากเนื่องจากความเข้าใจเรื่องนี้มีน้อย ขนาดนมในโรงเรียนยังเป็นนมหวานเลยครับ แต่ก็เป็นที่น่ายินดีที่มีข่าวว่าอีกไม่นาน นมโรงเรียนจะเปลี่ยนเป็นนมจืดทั้งหมดแล้ว แหม น่าดีใจแทนเด็ก ๆ
ความหวานนี่เคยมีคนพิสูจน์มาแล้วว่าทำให้เด็กค่อนข้างซุกซนผิดปกติ แถมยังไม่ค่อยมีสมาธิกับการเรียน ถึงแม้ว่าการศึกษาระยะหลัง ๆ ไม่ค่อยสนับสนุนนัก แต่ก็มีคนที่ค่อนข้างเชื่อว่า สมาธิกับของหวานน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ก็คงต้องรองานวิจัยที่แน่ชัดต่อไป แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ความหวานมีส่วนทำให้เด็กที่อ้วนอยู่แล้ว อ้วนมากขึ้น และอ้วนง่าย เนื่องจากความหวานมีรสอร่อย เด็กก็เลยกินมากเป็นธรรมดา ยิ่งอร่อยยิ่งอยากกิน จนในที่สุดก็อ้วนฉุ เอ บาคนถามว่าน้ำตาลอ้วนได้ยังไง ก็ขอเล่าแจ้งแถลงไปให้ทราบกันเลยว่าน้ำตาลนี่เปลี่ยนไปเป็นไขมันได้นะครับ พออ้วนมาก ๆ เข้า ก็ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สำหรับรายละเอียดของโรคเหล่านี้ผมก็เล่าแจ้งไปบ้างใน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น